Narrow Escape
ธรรมชาติบำบัด คือ การดูแลรักษา กาย ใจ โดยขบวนการธรรมชาติ ตั้งอยู่บนหลักว่าโรคทุกชนิด ทั้งร่างกายและจิตใจของคนเรา สามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลปกติ โรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ และ รับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ หรือ รับประทานยาหรือฉีดยาที่ทำจากสารเคมี สารเหล่านี
ร่างกายของคนเราถูกควบคุมโดยสมอง ไขสันหลังและระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งคำสั่งมายังอวัยวะต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำงานตามหน้าที่ เราพบว่าการสั่งการเหล่านี้ต้องอาศัยพลังงานที่หมุนเวียนอย่างสมดุลในร่างกาย พลังงานดังกล่าวทางอินเดียเรียกว่า ปราณ ทางจีนเรียกว่า ชี่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับจุดตำแหน่งต่างๆ ในร่างกาย
แนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่สับสน
ผู้ป่วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี เมื่อมีอาการและตรวจพบว่าเป็นมะเร็งแล้ว แพทย์จะให้ข้อมูลกับผู้ป่วยว่า จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 - 6 เดือน ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็วและอาจเสียชีวิตเร็วกว่าที่คิดในบางราย เนื่องจากท้อแท้ หมดหวังในชีวิต
ปรากฏการณ์เหล่านี้ผู้เขียนพบเห็นอยู่เนื่อง ๆ แต่ก็สังเกตว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง หรือโรคเอดส์ สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างน่าประทับใจ บางคนใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุขเหมือนคนไม่ได้ป่วยไข้ บางคนสามารถยืดชีวิตไปได้อีกหลายปีหลังจากที่หมอเจ้าของไข้คาดว่าน่าจะอยู่ได้ไม่นาน บางคนมีอาการทรุดลงอย่างมากจนไม่น่าจะรอด แต่กลับพลิกฟื้นร่างกายจนกระทั่งกลับมาเอาชนะโรคร้ายได้ และยังมีบุตรคนที่สองได้อีกด้วย นับได้ว่าผู้ป่วยที่โชคดีเหล่านี้
รอดตายอย่างหวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด(Narrowly Escape)
ที่มาของข้อมูลนายแพทย์เอกชัย ปัญญาวัฒนานุกูล
อดีตผู้อำนวยการ ร.พ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
แนวทางที่เป็นทางเลือกที่เป็นที่รู้และยอมรับกันอย่างกว้างขวางคือ
ธรรมชาติบำบัด
โดย Mr.Jacob Vadakkanchary
ธรรมชาติบำบัด คือ การดูแลรักษา กาย ใจ โดยขบวนการธรรมชาติ ตั้งอยู่บนหลักว่าโรคทุกชนิด ทั้งร่างกายและจิตใจของคนเรา สามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลปกติ โรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ และ รับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ หรือ รับประทานยาหรือฉีดยาที่ทำจากสารเคมี สารเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในร่างกายมาก หรือการใช้ชีวิตที่เครียดเกินไป หักโหมเกินไป กังวลเกินไป ออกกำลังกายไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนเราจะเน้น เรื่องอาหาร การรับประทานอาหารที่ดีก็จะทำให้มีสุขภาพดี สุขภาพของคนขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมของการรับประทานอาหาร Bacteria ไม่มีผลทำให้เกิดโรคต่อร่างกาย การเจ็บป่วยของคนล้วนเกิดจากอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนที่คนเรารับประทานเข้า ไป เรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเรียนรู้
หลักในการพิจารณาเลือกใช้การแพทย์ทางเลือก
ในการพิจารณาเลือกใช้การแพทย์ทางเลือกควรคำนึงถึงหลัก 4 ประการ คือ
1. ความน่าเชื่อถือ ( RATIONAL) โดยดูจากที่ว่า วิธีการหรือองค์ความรู้ด้านการแพทย์ทางเลือกชนิดนั้น ประเทศต้นกำเนิดให้การยอมรับหรือไม่ หรือมีการใช้แพร่หลายหรือไม่ ใช้มาเป็นเวลานานแค่ไหน มีการบันทึกไว้หรือไม่ อย่างไร
2. ความปลอดภัย (SAFETY) เป็นเรื่องสำคัญมาก ว่ามีผลกับสุขภาพของผู้ใช้อย่างไร การเป็นพิษแบบเฉียบพลันมีหรือไม่ พิษแบบเรื้อรัง มีเพียงไร อันตรายที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวมีหรือไม่ หรือวิธีการนั้นทำให้เกิดภยันอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ เป็นต้น
3. การมีประสิทธิผล (EFFICACY) เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ หรือมีข้อพิสูจน์มาแล้ว ว่าสามารถใช้ได้จริง มีข้อมูลยืนยันได้ว่าใช้แล้วได้ผล ซึ่งอาจต้องมีจำนวนมากพอหรือใช้มาเป็นเวลานานจนเป็นที่ยอมรับ จากการศึกษาวิจัยหลากหลายวิธีการ เป็นต้น
4. ความคุ้มค่า (Cost - Benefit - Effectiveness) โดยเทียบว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดด้วยวิธีนั้นๆ คุ้มค่า สำหรับผู้ป่วยนั้นๆ หรือไม่ ในโรคที่ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมาน โดยอาจเทียบกับ เศรษฐานะของผู้ป่วยแต่ละคน เป็นต้น
โดย สำนักการแพทย์ทางเลือก
การสำรวจข้อมูลและการดูแลสุขภาพทางเลือกในคนไทย ปี พ.ศ. 2543
จากรายงานการวิจัย ของ สมพร เตรียมชัยศรี และคณะ เรื่อง การสำรวจข้อมูลและการดูแลสุขภาพทางเลือกในคนไทย ปี พ.ศ. 2543 เป็นการสำรวจตัวอย่างจำนวน 400 คน ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 357 คน (89.3%) โดยมีลักษณะดังนี้ เป็นหญิง 241 คน (68.3%) ชาย 112 คน ( 31.7%) มีการศึกษาสูงกว่าอุดมศึกษา 268 คน (80%) ต่ำกว่าอุดมศึกษา 65 คน ( 20%) มีวิธีการรักษาโรคดังนี
- พบแพทย์แผนปัจจุบัน 222 คน คิดเป็น 62.1%
- ใช้แผนโบราณและแผนปัจจุบัน 85 คน คิดเป็น 23.8%
- ซื้อยาเอง 16 คน คิดเป็น 5.1%
- ใช้ยาแผนโบราณและยาสมุนไพร 10 คน คิดเป็น 3.2%
- ที่เหลือใช้วิธีอื่นๆ
จากการศึกษาสรุปได้ว่า ศาสตร์ที่คนไทยรู้จัก ให้ความศรัทธาและมีความนิยมใช้จำนวน 25 ศาสตร์ ดังนี้ สมุนไพร การนวด สมาธิ/โยคะ การนวดศีรษะ รำมวยจีน/ไทเก็ก พลังรังสีธรรม สมาธิหมุน ชีวจิต พลังจักรวาล/โยเร การฝังเข็ม การฟังดนตรี การสวดมนต์/ภาวนา อบสมุนไพร การใช้เครื่องหอม/ยาดม การใช้วิตามิน/เกลือแร่/อาหารปลอดสารพิษ ดื่มน้ำผัก/ผลไม้ การสวนล้างพิษ การดูหมอ/รดนำมนต์ ศิลปะบำบัด การผ่อนคลายแบบ Biofeedback การใช้คาถา/เวทมนต์ การเพ่งโดยการใช้แสง สี เสียง การเข้าทรงนั่งทางใน การใช้เก้าอี้แม่เหล็กไฟฟ้า การใช้วิชาธรรมจักร
นอกจากนี้ยังมีการนำศาสตร์การแพทย์ทางเลือกรูปแบบต่าง ๆ ไปใช้ในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังต่าง ๆ ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ชัดเจนที่สุดคือ กลุ่มเพื่อนมะเร็งที่มีการนำเอาการแพทย์ทางเลือกทั้งในรูปแบบของอาหารสุขภาพ การนั่งสมาธิ การใช้หินบำบัด ฯลฯ มาใช้ร่วมด้วย
เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำใส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
ปัญจขันธ์ พืชล้มลุกชนิดเถาเลื้อยที่ขึ้นเองตามธรรมชาติมีในประเทศไทย อยู่ในวงศ์แตง แต่คนไทยเพิ่งจะเริ่มปลูกและให้ความสนใจเมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่คนจีนในภาคใต้ของประเทศนำปัญจขันธ์มาบำรุงร่างกายกันนานแล้ว โดยคนจีนรู้จักกันในชื่อ เจียวกู่หลาน หรือเซียนเฉ่า (สมุนไพรอมตะ) และเริ่มแพร่หลายเข้าไปในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๓ มีชื่อญี่ปุ่นว่า อะมาซาซูรู แปลว่า ชาหวานจากเถา มีงานวิจัยสมุนไพรนี้จากประเทศจีนและญี่ปุ่นจำนวนมาก พบว่ามีสารสำคัญที่เรียกว่าสารกลุ่มจิปพีโนไซด์ ซึ่งเป็นสารประเภทไตรเทอร์พีนซาโพนินที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายสารกลุ่มจินเซนโนไซด์ที่พบในโสม ทั้งๆที่พืชทั้ง ๒ ชนิด ไม่มีความสัมพันธ์กัน โดยสารจิปพีโนไซด์ที่พบในปัญจขันธ์มีมากกว่า ๘๐ ชนิด โดยมี ๔ ชนิดที่เหมือนกับที่มีในโสม และอีก ๑๑ ชนิด มีสูตรโครงสร้างคล้ายคลึงกับจินเซนโนไซด์ มีรายงานการวิจัยในห้องปฏิบัติการในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง
ตังกุยได้จากรากไม้พืชจำพวกคึ่นไช่ (Celery) มีฤทธิ์อุ่น รสหวานอมขมและเผ็ด จากการวิจัยพบว่าในตังกุยมี น้ำมันระเหยร้อยละ 0.4-0.7 ซูโครสร้อยละ 40 อัลคาลอยด์ วิตามินบี วิตามินบี12 วิต ามินเอ และยังมีกรดต่าง ๆ เช่น กรดนิโคติน กรดปาลมิติก กรดสเตียริก กรดไมริสติก กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไลโนเลอิก และไซโทสเตอรอล ..... .....ตามตำราจีนกล่าวว่า ตังกุยเหมาะที่จะใช้รักษามะเร็งในผู้หญิงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม หรือจะเป็นมะเร็งตับ ลูคิเมีย มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จากผลการวิจัยในห้อง Lab และผลวิจัยทางคลินิกทั้งที่จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน สรุปได้ผลตรงกันว่าสารที่พบในตังกุยมีฤทธิ์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเซลล์มะเร็งได้ถึง 50-70% .ตังกุยยังมีสรรพคุณบำรุงเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล
ผักก้านตอง ผักเข้าตอง ผักคาวทอง พลูคาว (ไทย), chinese lizard tail, houttuynia (ทั่วไป), yu xing cao (จีน) ประเทศ จีน มีการใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาผงสำหรับรับประทาน ใช้ในการรักษามะเร็งทางเดินอาหารและมะเร็งทางเดินหายใจรวมไปถึงเนื้องอกใน รังไข่ (oophoroma) มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก จีนใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาสำหรับรักษามะเร็งปอด เป็นส่วนประกอบในตำรับยาจีนซึ่งกล่าวว่ามีสรรพคุณในการกำจัดความร้อนและสารพิษ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และใช้รักษามะเร็งหลอดอาหาร
โสมซานชีต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ในปี ค.ศ. 2007 ไฮและคณะแห่งมหาวิทยาลัยถงจี้ในจีนได้ทำการศึกษาผลของสารพานาไซดอลซึ่งเป็นสารซาโปนินอีกชนิดหนึ่งในโสมซานชีต่อการลดจำนวนเซลล์เนื้องอกในสมองของหนู พบว่าสารพานาไซดอลสามารถลดและยับยั้งการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของเซลล์เนื้องอกในสมองของหนู ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 เฉินและคณะแห่งมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงในจีนได้ทำการสกัดโสมซานชีโดยใช้เอทานอล จากนั้นทำการศึกษาผลของสารสกัดต่อมะเร็งตับใน หนู พบว่าสารสกัดโสมซานชีสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับในหนูได้
สรรพคุณทางยาของกระชายดำ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ กระตุ้นระบบประสาท แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาสมดุลความดันโลหิต ขยายหลอดเลือดหัวใจ โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดสมดุลย์ โรคบิด โรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด โรคหัวใจ สำหรับสุภาพสตรีทานแล้ว จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนทางเพศ ทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผุดผ่องสดใส แก้อาการตกขาว ประจำเดือนมาไม่ปกติ
เป็นน้ำมันที่ได้จากกระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มี ประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane Layer) และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด เช่น • กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดความเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ
โสม Asian ginseng ( Panax ginseng C.A., Meyer) โสมเป็นสมุนไพรซึ่งนิยมใช้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันโดยประเทศทางตะวันออกเชื่อว่าเป็นยาครอบจักรวาลช่วยเพิ่มพลัง โสมนี้ยังมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น โสมจีน โสมญี่ปุ่น โสมเกาหลี โสมอเมริกา ผักกะโสม โสมไทย โสมดอกแดง และโสมที่นิยมใช้กันมาพันปี คือ โสมเกาหลี หรือโสมอเมริกา ซึ่งเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยาอย่างแท้จริง โสมมีสารประกอบสำคัญทางยามากกว่า 200 ชนิดประกอบด้วยกลุ่มสำคัญๆดังนี้ โสม ช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานในเรื่องการควบคอเลสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้... โสม ช่วยบำรุงร่างกาย และเสริมการต่อต้านโรคภัยให้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมเร็ง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ในช่วงที่ให้การบำบัด ด้ว