Narrow Escape
สมุนไพรต้านมะเร็ง
ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่า เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่
รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำใส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
เห็ดหลินจือได้ถูกบันทึกไว้ว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมาก กว่า 100 สายพันธุ์ และสำหรับสายพันธุ์ที่นิยมมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม (Ganoderma lucidum) หรือสายพันธุ์สีแดง
เห็ดหลินจือมีสารโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารยับยั้งอาการต่างๆ ข้างต้น เห็ดหลินจือในแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกัน แต่สายพันธุ์ที่มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุด คือ เห็ดหลินจือสีแดง
ซึ่งมีงานวิจัยต่างๆ พบว่ามีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุดในบรรดาเห็ดหลินจือทั้งหมด
ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ เห็ดหลินจือออกมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ เห็ดหลินจือแดงควรศึกษาตั้งแต่วิธีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะการจะได้เห็ดหลินจือที่มีคุณภาพที่ดีนั้น ตัวเห็ดหลินจือเอง จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องความชื้น แสงสว่าง และสารอาหารที่ได้รับ ส่วนขั้นตอนการแปรรูป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะถือเป็นกระบวนการที่จะสกัดสารโพลีแซคคาไรด์จากตัวเห็ดเองออกมาให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้การบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสนใจไม่แพ้กัน ควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้ดี เพราะว่าความชื้นจะทำให้เห็ดหลินจือขึ้นราได้ เนื่องจากเห็ดหลินจือค่อนข้างไวต่อความชื้น
การบำรุงร่างกายด้วยเห็ดหลินจือออกฤทธิ์เสริมสร้างแตกต่างกันไปในแต่ละวัย วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว เห็ดหลินจือช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการ บำรุงกำลังและเสริมความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและสติปัญญา พอก้าวสู่วัยทำงานและกลางคน เจ้าเห็ดมหัศจรรย์ เหมาะใช้เพื่อความงามของผิวพรรณ ลดรอยด่าง
ดำ คงความอ่อนวัย และบำรุงอวัยวะภายใน ทั้ง ปอด ตับไต รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพของระบบต่างๆ แต่เห็ด
หลินจือกลับเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากที่สุด เพราะมันช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความจำเสื่อม เพิ่มออกซิเจนในเลือด
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจต่อต้านสารพิษ และกำลังเพิ่มความฮอตมากขึ้น เพราะนำมาต่อต้านมะเร็ง
ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือที่มีผลการวิจัยรองรับ
มือปราบฆ่ามะเร็งอย่างเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค และกำจัดเซลล์มะเร็งได้ พวกมันมีวิธีหาอาหารโดยสร้างเอ็มไซม์ ออกไปย่อยสลายสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตภายนอก ซึ่งอาจเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้ย่อยสลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งด้วยสำหรับผู้มีอาการอ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร วิงเวียน นอนไม่หลับ มือเท้าเย็น ไอ หอบหืด อักเสบ มีการเจ็บปวดหรืออาการทางจิตประสาท การบริโเหลินจือก็สามารถช่วยได้เช่นกันนอกจากนั้นยังใช้รักษาร่วมกับผู้ป่วยได้หลายโรค อาทิ โรคมะเร็งที่ใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือที่มีผลการวิจัยรองรับ
โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส โรคเอดส์โรคทางสมองทั้งหลาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง-ต่ำ โรคตับ โรคไต รูมาตอยด์ โรคเอสแอลดี และผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะเป็นต้น เมื่อมีประโยชน์ ก็มีโทษได้
หากบริโภคไม่ถูกวิธีหากเราใช้เห็ดที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพดีแล้ว มันไม่มีโทษแต่ประการใด สามารถใช้ได้ต่อเนื่องตลอดไป ครั้งแรกนั้น คุณหมอสุรพลแนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทุก 3 วัน ที่น่าสนใจคือ สามารถใช้เห็ดหลินจือเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ตลอดจนไม่มีฤทธิ์ตีกับยาที่รับประทานอยู่ หรือการรักษาอย่างอื่นก็ได้ แม้จะมีไม่โทษ แต่มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน นอกจากเด็กเล็กสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยหนัก รวมทั้งผู้มีประวัติแพ้ยาจะต้องปรึกษาแพทย์ตามธรรมเนียมแล้ว ในระยะแรก คนปกติก็อาจมีอาการท้องเสีย คอแห้ง หรือมีผื่นคัน แต่ก็มักจะหายได้เองภายใน 2-7 วัน แต่ถ้ายังมีอาการข้างเคียงดังกล่าวอยู่ แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ แล้วลองเริ่มต้นใหม่ เห็ดหลินจือที่นำมาบริโภคจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อคนปกติทั่วไปใช้ดอกเห็ดอบแห้ง ชงเป็นชา เพื่อดื่มเป็นประจำ ถ้าต้องการต้มเป็นยา ต้องดื่มให้หมดวันละ 1-3เวลา และจะดื่มเวลาใดก็ได้ ถ้าจะนำมาดองเหล้า จะใช้ดอกเห็ดอบแห้งดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าเหลืองชนิด 40 ดีกรี ปริมาณ 100-150 ซีซีทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยนำมาดื่มครั้งละ 10 ซีซี หรือ 2 ช้อนชา วันละ 1-3เวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ไม่ต่างกันนอกจากนั้น ยังมีผู้ผลิตเป็นแคปซูลโดยนำส่วนผสมของดอกเห็ด เส้นใยหรือราก และผงสปอร์ รวมอยู่ในเม็ดซึ่งปริมาณขึ้นอยู่กับอายุของผู้ใช้หากเป็นเด็ก ใช้ 1-2 แคปซูลก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ป่วย ควรใช้ ครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 2 เวลาจะดีที่สุดอีกทั้งชนิดผงสปอร์บริสุทธิ์ ที่จะออกฤทธิ์มากกว่าแบบแคปซูล ก็จะนำมาผสมน้ำอุ่นในปริมาณ 1 กรัม หรืไม่เกิน 3 กรัมสำหรับผู้ป่วย ที่เด็ดไปกว่านั้น มันยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอาจผสมในน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ เครื่องดื่มและอาหารคาวหวานได้ง่ายๆ
สรุปประโยชน์ของเห็ดหลินจือ (จากการค้น research ของต่างประเทศ ทางอินเตอร์เน็ต)
๑. ลดความดันโลหิตสูง
๒. ภูมิต้านทานของร่า่งกายดีขึ้น, ลดภูมิแพ้, หอบหืด
๓. ควบคุมเบาหวานได้, ช่วยให้แผลหายเร็ว
๔. ต่อต้านมะเร็ง, ลดอันตรายจากการใช้เคมีบำบัด
๕. ฆ่าเชื้อรา ไวรัส โดยเฉพาะในผู้ป่วยเอดส์ ช่วยให้เม็ดเลือดขาว ที และบี เซล สูงขึ้น ไม่ติดเชื้อฉวยโอกาส
๖. รักษามะเร็งเต้านม,มะเร็งตับได้,บำรุงตับ, ใช้ประกอบการรักษาตับอักเสบ
๗. ลอคลอเรลเทอรอล,ลดและป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอัมพฤกษ์ อัมพาต
๘. ช่วยให้การบีบตัวของหัวใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
๙. ให้วิตามินเกลือแร่,จับแคลเซียมเข้ากระดูก,ช่วยให้เซลร่างกายสดชื่น,ชะลอความแก่
๑๐. ป้องกันและฟื้นฟูอัลไซด์เมอร์,ระบบประสาททำงานดีขึ้น
๑๑. ต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เซลเสื่อม, ก่อโรค, และแก่เร็ว
๑๒. ลดความเครียด ความกดดันทางจิตใจ ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
๑๓. ล้างพิษสะสมของยาแผนปัจจุบัน สามารถใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย
๑๔. มีงานวิจัยว่ากาแฟผสมเห็นหลินจือสามารถลดความดันโลหิตได้
สรุปงานวิจัยเกี่ยวกับหลินจือแต่ละเรื่อง
โรคร้าย 5 อันดับแรกที่ไปตรวจในโรงพยาบาลมากที่สุดได้แก่
1 หลอดเลือดหัวใจอุดตัน (Atherosclerotic heart disease)
2 ความดันโลหิตสูง (Essential (primary) hypertension)
3 โรคลิ้นหัวใจรั่ว (Presence of prosthetic heart valve)
4 เบาหวาน (Non-insulin-dependent diabetes mellitus without complications)
5 โรคห้วใจวาย(Congestive heart failure)
โรคร้ายที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นโรคเรื้อรังร้กษาไม่หายขาดหมอไม่กล้ารับรอง เพราะเกี่ยวกับนิสัยการกินการออกกำลังกายทั้งสิ้นหรือหากดูแลไม่เป็นจะต้องถึงแก่พิการ หรือถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น ดังนั้นสมุนไพรจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจน่าศึกษา
โดยแยกเป็นหมวดหมู่ตามโรคดังนี้
มะเร็ง คือ โรคร้ายอันดับหนึ่ง...ที่คร่าชีวิตมนุษย์ได้ทุกชนชั้น แม้ว่าจะไม่ฉับพลันเหมือนอุบัติเหตุ แต่มันก็ร้ายกว่าคือสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน..
โรคมะเร็ง 6 ชนิด ที่ร้ายแรงและพบมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
VDO การแพทย์ทางเลือกที่ควรทราบ* การดื่มปัสสาวะกับการรอดจากมะเร็ง
สมุนไพรต้านมะเร็ง1
ซานชี หรือ เถียนชี ( Panax pseudoginseng)
เป็นพืชสมุนไพรอยู่ในตระกูล "โสมคน" ซานชีเป็นภาษาจีน แปลว่า "สามเจ็ด" เป็นไม้ยืนต้น แต่ละต้นมีกิ่ง 3 กิ่ง แต่ละกิ่งมีใบไม้ 7 ใบ เลยตั้งชื่อว่า สามเจ็ดกิ่ง
โสมซานชีต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ในปี ค.ศ. 2007 ไฮและคณะแห่งมหาวิทยาลัยถงจี้ในจีนได้ทำการศึกษาผลของสารพานาไซดอลซึ่งเป็นสารซาโปนินอีกชนิดหนึ่งในโสมซานชีต่อการลดจำนวนเซลล์เนื้องอกในสมองของหนู พบว่าสารพานาไซดอลสามารถลดและยับยั้งการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของเซลล์เนื้องอกในสมองของหนู ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 เฉินและคณะแห่งมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงในจีนได้ทำการสกัดโสมซานชีโดยใช้เอทานอล จากนั้นทำการศึกษาผลของสารสกัดต่อมะเร็งตับใน
หนู พบว่าสารสกัดโสมซานชีสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับในหนูได้
ต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโสมซานชี
ต้องการผลิตภัณฑ์โสมซานชีที่มีผลการวิจัย
โสมซานชีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ปี ค.ศ. 2005 ชันและคณะแห่งมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงในจีน ทำการสกัดสารซาโปนินจากรากโสมซานชีแห้ง ได้แก่ จินเซนโนไซด์ Rd จินเซนโนไซด์ Rb1 และโนโตจินเซนโนไซด์ K ต่อระบบภูมิคุ้มกันในหนู พบว่าสารซาโปนิน
จากรากโสมซานชีแห้งทั้งสามชนิดสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในหนูได้
โสมซานชีมีสรรพคุณช่วยสร้างเลือดและห้ามเลือด และฟื้นฟูเลือดโดยสลายพิษภัยในเลือด แก้อักเสบและบรรเทาอาการเจ็บปวด เป็นส่วนประกอบสำคัญของยาจีนสำเร็จรูปหยุนหนาน ไป๋เย่า หรือยาขาวยูนนาน
กลุ่มเท่ออานน่า(Yunnan Dephne Pharmaceutical)ได้ผลิตยารักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองที่ผสมสารซานชีเป็นผลสำเร็จ กำลังวิจัยการใช้ซานชีในการรักษาโรคตับอักเสบ การห้ามเลือดทางศัลยกรรม การรักษาโรคตา
โสมจีนซานชี เป็นพืชยาสมุนไพรเก่าแก่ของจีนนับหลายพันปี มีสรรพคุณในการฟื้นฟูสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ระบบเลือด โสม ซึ่งจัดเป็นยอดสมุนไพรที่มีการใช้และยอมรับกันมานานนับพันปี และโสมที่โดดเด่นในการขับพิษออกจากเลือดก็คือโสมจีนซานชี (panax notoginseng)โดยการนำ โสมจีนซานชี มาผ่านกรรมวิธีสกัดด้วยระบบ Freeze Dry จนได้สารสกัดเข้มข้น ในรูป
สมุนไพรโสมจีนซานชี (ซานชีเย่) เพื่อใช้รับประทานในปริมาณน้อยๆเพื่อผลใน การบำรุงร่างกายและขจัดพิษออกจากเลือดรวมทั้งการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
โสมซานชี จะมีหน้าที่สำคัญ 4 ประการหลัก คือ
1.Detox ล้างสารพิษ นำของเสียออกจากร่างกายรวมถึงคอเรสเตอรอล ไตรกรีเซอไรด์ ไขมันส่วนเกินไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายได้รับมาจากอาหารที่รับประทาน และยังได้จากการสังเคราะห์ขึ้นเองในร่างกายจากน้ำตาลและแป้ง ผู้ที่กินจุ กินอาหารที่มีไขมันสูง กินอาหารหวานหรือขนมหวานมาก ดื่มเหล้าเป็นประจำ อ้วน หรือ ขาดการออกกำลังกาย มักพบว่ามีไตรกลีเซอไรด์สูง ภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดเช่นกัน
ต้องการผลิตภัณฑ์โสมซานชีที่มีผลการวิจัย
2.Balance สร้างความสมดุลทุกระบบในร่างกายรวมถึงความดันโลหิตสูง
3.Nourishing การบำรุงทำให้เซลล์ในร่างกาย ระบบเลือดสะอาด สร้างอาหาร กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย
4.Maintainคงสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงตลอดกาล
ดังนั้น สามารถกล่าวได้ว่า “โสมซานชี” เป็นพืชยาสมุนไพร ที่ ดี เลิศชนิดหนึ่ง ในการดูแลรักษาป้องกันช่วยให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรค
ต้องการผลิตภัณฑ์โสมซานชีที่มีผลการวิจัย
ในโสมซานชี ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของต้นโสม กิ่ง ก้าน ใบ เกสร ดอก ราก เมล็ด ล้วนแต่มีสารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย มากกว่า 70 ชนิด ที่สำคัญได้แก่
1. สารซาโพนิน(Saponins)
2. สารแร่ธาตุส่วนน้อย (Trace Elements)
3. กรดอะมิโน (Amino Acid)
4. วิตามิน (Vitamins)
5. น้ำตาล (Saccharides)
6. น้ำมันระเหย (Voletine Oil)
โสมซานชี ทุกส่วนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งต้น ใบ กิ่ง ก้าน ดอกเกสร เมล็ด ราก หัว สามารถนำมาใช้เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ชา กาแฟ โสมซานชีมีสารที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน
ปี ค.ศ. 2002 ชานและคณะแห่งมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮ่องกง ได้รายงานว่าจินเซนโนไซด์ Rg1 ใน
โสมซานชีมีผลต่อประสาทส่วนกลาง หัวใจและหลอดเลือดหัวใจ และมีผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ โดยจินเซนโนไซด์ Rg1 ทำ
หน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผลิตจากรังไข่ ต่อมาในปี ค.ศ. 2001 เฉินและคณะแห่งวิทยาลัยการแพทย์จีนได้
ทำการศึกษาผลของจินเซนโนไซด์ Rb2 และ Rc ในโสมซานชีมีผลต่อการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิที่อ่อนแอในหลอดทดลอง
พบว่า จินเซนโนไซด์ Rc มีผลทำให้ตัวอสุจิตัวมีการเคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการบ่มไว้นาน 1 และ 2 ชั่วโมง ต่อมาใน
ปี ค.ศ. 1999 เฉินและคณะแห่งวิทยาลัยการแพทย์จีนได้ทำการศึกษาผลของสารสกัดโสมซานชีที่มีต่อการเคลื่อนที่ของ
ตัวอสุจิที่อ่อนแอ พบว่าสารสกัดโสมซานชีมีผลทำให้ตัวอสุจิเคลื่อนที่มากขึ้นหลังจากการบ่มไว้นาน 1 และ 2 ชั่วโมง
ต้องการผลิตภัณฑ์โสมซานชีที่มีผลการวิจัย
“จากที่กล่าวมาข้างต้นแม้ว่าการกินโสมซานชีจะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์อย่างแท้จริงนั้น เรายังต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราไม่ควร
ละเลย เพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริงนั้นเอง”
ข้อควรระวังในการกินโสม
• เพื่อให้ได้ผลสูงสุดเวลากินโสมจะต้องเลี่ยงอาหารบางอย่าง อย่ากินรวมกัน จะให้ดีอาหารอื่นต้องกินหลังกินโสม
อย่างน้อย 3 ชั่วโมง อาหารต่างๆเหล่านี้ ได้แก่ ผลไม้ที่มีกรดสูงๆ น้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำส้มคั้น น้ำ
มะนาว และห้ามกินวิตามินซี ร่วมกับโสม อาหารหรือสารอาหารต่างๆ ดังกล่าวจะไปทำลายฤทธิ์ที่ควรจะได้จาก
โสม
• ไม่ควรดื่มกาแฟหรือสารกระตุ้นอื่นๆ ขณะที่กินโสมเพราะถ้าใช้ร่วมกันอาจทำให้ความดันเลือดสูงและนอนไม่
หลับได้
• ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไอมีเลือดปน โรคไต ไข้หวัด นอนไม่หลับ ไม่ควรกินโสม
• ควรเก็บโสมไว้ในภาชนะที่แห้งสนิทเพื่อป้องกันเชื้อรา
เอกสารอ้างอิง
1. ศักดิ์ บวร. 2537. โสมราชันย์สมุนไพรแห่งโลกตะวันออก. (พิมพ์ครั้งแรก) กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สมิต. 143 หน้า.
2. อรชุน เลียววัฒนาผล. 2533. ความลับของโสม. (พิมพ์ครั้งแรก) กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์รวมทรรศน์. 95 หน้า.
3. นิติ โตชนันท์. 2551. โสมซานชี....เลือดบริสุทธิ์....พลังบริสุทธิ์. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา
4. Ling S, Nheu L, Gou Z and Komesaroff P. 2007. Effect of four medicinal herb on human vascular
endothelial cells in culture. Department of Medicine, Monash University Central and Eastern Clinical
School, Prahran, Melbourne, Victoria, Australia. Int J Cardiol.
5. Hai J, Lin Q, Lu Y, Zhang H and Yi J. 2007. Induction of apoptosis in rat C6 glioma cells by panaxydol.
Department of Neurosurgery, Tongji Hospital, Tongji University, 389 Xin-Cun Road, Shanghai 200065,
China. Cell Biol Int, 31(7): 711-715.
6. Chen PF, Liu LM, Chen Z, Lin SY, Song WX and Xu YF. 2006. Effects of ethanol extracts of Panax
notoginseng on liver metastasis of B16 melanoma grafted in mice. Department of Oncology, First
Hospital, Zhejiang University of Traditional Chinese Medicine, Hangzhou, Zhejiang Province 310006,
China. Zhong Xi Yi Jie He Xue Bao, 4(5): 500-503.
7. Sun HX, Qin F and Ye YP. 2005. Relationship between haemolytic and adjuvant activity and structure of
protopanaxadiol-type saponins from the roots of Panax notoginseng. College of Animal Sciences,
Zhejiang University, Hangzhou, Zhejiang 310029, China. Vaccine, 23(48-49): 5533-5542.
8. Liang MT, Podolka TD and Chuang WJ. 2005. Panax notoginseng supplementation enhances physical
performance during endurance exercise. Department of Kinesiology and Health promotion, California
State Polytechnic University, pomona, California 91768, USA. J Strength Cond Res, 19(1): 108-114.
9. Wu YJ, Zhu XY, Sha XY and Fang XL. 2005. The pharmacokinetics and pharmacodynamics of intranasal
preparation of Panax notoginseng Saponins. Department of Pharmaceutics, School of Pharmacy, Fudan
University, Shanghai 200032, China. Yao Xue Xue Bao, 40(4): 377-381.
ผักก้านตอง ผักเข้าตอง ผักคาวทอง พลูคาว (ไทย), chinese lizard tail, houttuynia
(ทั่วไป), yu xing cao (จีน)
ประเทศ จีน มีการใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาผงสำหรับรับประทาน
ใช้ในการรักษามะเร็งทางเดินอาหารและมะเร็งทางเดินหายใจรวมไปถึงเนื้องอกใน รังไข่ (oophoroma) มะเร็งปากมดลูก
และมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก
ต้องการผลิตภัณฑ์คาวตองที่มีผลการวิจัยโดยแพทย์
ใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาสำหรับรักษามะเร็งปอด
เป็นส่วนประกอบในตำรับยาจีนซึ่งกล่าวว่ามีสรรพคุณในการกำจัดความร้อนและสารพิษ
เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
และใช้รักษามะเร็งหลอดอาหาร
ใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยารับประทาน สำหรับยับยั้งและทำลายเซลล์มะเร็ง และเพิ่มภูมิต้านทาน
ใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาในรูป ointmentสำหรับใช้ทาภายนอกรักษาเต้านมอักเสบ และมะเร็งเต้านม
ใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาทั้งในรูปแบบที่ใช้รับประทาน และเป็นยาฉีดสำหรับรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร
ใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาจีนสำหรับรักษามะเร็ง และรักษาอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้รังสีรักษา และเคมีบำบัด
ใช้ผักคาวตองเป็นส่วนประกอบในตำรับยาน้ำรับประทานรักษา
โรคมะเร็งลำไส้ส่วน rectum
มะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งหลอดอาหาร
และมะเร็งเต้านม
ต้องการผลิตภัณฑ์คาวตองที่มีผลการวิจัยโดยแพทย์
สรุปคุณประโยชน์
1. สมุนไพรพลูคาวกับภูมิคุ้มกันโรค( Immunity) ช่วยปรับสมดุลย์ของภูมิคุ้มกันโรคในร่างกาย บำบัดอาการไอ จาม อักเสบในโพรงจมูก หวัดเรื้อรัง ทำให้โรคที่เกิดด้านภูมิคุ้กันโรคบรรเทาลง
2. สมุนไพรพลูคาว กับการทำลายเซลล์มะเร็ง (Cytotoxicity Against Tunor Celllines) มี ช่วยลดอัตราการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งให้ช้าลง และระงับการแพร่กระจายหรือการลุกลามของโรค ซึ่งถ้าโรคมะเร็งมีการลุกลามเร็วจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างรวดเร็วและอาจถึงชีวิตได้เร็วขึ้นในที่สุด
3. สมุนไพรพลูคาวกับการอักเสบ สมุนไพรพลูคาวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบต่างๆ( Anti-Inflamnation) โดยการไปยับยั้ง การซึมผ่านของของเหลวในเส้นเลือดฝอย หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ปวดฟัน ขับปัสสาวะ
4. สมุนไพรคาวตองกับการฟื้นฟูโรคอื่นๆ ได้แก่
- ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
โดยการเร่งการนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้พลังงาน ทำให้ระดับนำตาลในเลือดไม่สูงขึ้น
- ช่วยรักษาความสมดุลย์ของระดับความดันโลหิต เช่นในโรคความดันโลหิตสูง
High Blood Pressure on the Rise: Aging Population a Major Cause
- ฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ทำให้อัตราการไหลเวียนเลือดดีขึ้นและการส่งออกไปหมุนเวียนในร่างกายดีขึ้น ลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดตีบในบริเวณต่างๆ เช่นหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เป็นต้น
- ฤทธิ์ขับปัสสาวะ (Diruretic Activity) ช่วเพิ่มการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น
- และอื่นๆ อีกหลายๆอย่าง
ที่มา : หนังสือผักคาวตอง ของสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พศ. 2548 ISBN 974-7549-65-1
: จากหนังสือ THE ASEAN JOURNAL OF RADIOLOGY
ต้องการผลิตภัณฑ์คาวตองที่มีผลการวิจัยโดยแพทย์