top of page

                                                             สมุนไพรต้านมะเร็ง2

มะเร็ง คือ โรคร้าย...ที่คร่าชีวิตมนุษย์ได้ทุกชนชั้น แม้ว่าจะไม่ฉับพลันเหมือนอุบัติเหตุ แต่มันก็ร้ายกว่าคือสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน..​

​                  

                     

.

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้คิดค้น เอาสมุนไพรไทยมาช่วยบำบัด คือทั้งให้เป็นโอสถสารและอาหารประจำวัน ทดแทนการบำบัดด้วยสารเคมีและการฉายรังสี...

           รศ.พรทิพย์ เชื้อมโนชาญ รองคณบดีเครือข่ายวิชาการ คณะเภสัชศาสตร์ พูดถึงความเป็นมาว่า....คณะเภสัชศาสตร์ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ ของผู้ป่วยมะเร็ง ที่มีอาการข้างเคียงต่างๆ จึงร่วมกับ มูลนิธิต่อต้านโรคมะเร็งภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์ จัดทำ “โครงการดูแลและให้ความรู้แก่ผู้ป่วยมะเร็งด้วยสมุนไพรไทย” ใน บ้านนันทราษฎร์ ซึ่งเป็นบ้านพักผู้ป่วยมะเร็ง โดยการทำสวนสมุนไพรในบริเวณบ้านพัก เพื่อเป็นแหล่งสมุนไพรให้ผู้ป่วยและญาติสามารถนำสมุนไพรไปใช้และให้ความรู้เกี่ยวกับ การลดอาการข้างเคียง
           กิจกรรมในการนำสมุนไพรมาใช้ในผู้ป่วยนั้น จักต้องให้ความรู้และความเข้าใจ แก่ผู้ป่วยและญาติไปพร้อมๆกัน...จึงจะได้บรรลุผลตาม
ผศ.ดร.สุนีย์ จันทร์สกาว จาก ศูนย์วิจัยสมุนไพรภาคเหนือ บอกว่า การดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยด้วยสมุนไพรและผักพื้นบ้าน เป็นการสร้างความสำคัญ ให้ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานและชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและ...สมุนไพรกับผักพื้นบ้านนั้น ต้องไม่ส่งผลรบกวนต่อการรักษาด้วยวิธีต่างๆ ที่ผู้ป่วยมะเร็งได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเคมีบำบัด หรือการฉายรังสี ซึ่งมีสมุนไพรหลายชนิดที่สามารถลดอาการข้างเคียงของผู้ป่วยมะเร็ง ที่สำคัญสมุนไพรและผักพื้นบ้านของไทยหลายชนิดให้ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดี จึงเหมาะที่จะนำมาดูแลสุขภาพในรูปแบบของอาหาร

                                                                       สมุนไพรสำหรับต้านมะเร็ง
การใช้สมุนไพรเป็นยาบำบัดโรคนั้นอาจใช้ ในรูปยาสมุนไพรเดี่ยวๆ หรือใช้ในรูปตำรับ ยาสมุนไพร ปัจจุบันตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณที่กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้ใช้รักษาโรคได้มีทั้งหมด 28 ขนาน

                                          สมุนไพรที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ (วิตามินเอ ซี อี)

          วิตามินเอสูง ได้แก่ ใบยอ ใบย่านาง ตำลึง ผักกูด มะระ กระสัง ผักแพว ผักชีลาว ผักแว่น ผักบุ้ง เหลียงกระเจี๊ยบแดง แมงลัก ชะอม พริกชี้ฟ้าแดง แพงพวย ขี้เหล็ก ฯลฯ

          วิตามินซีสูง ได้แก่ มะขามป้อม ฝรั่ง มะปราง ขนุน ละมุด มะละกอ มะกอก ส้ม มะขาม ลูกหว้า พุทรา ฯลฯ

          วิตามินอีสูง ได้แก่ พวกธัญพืชต่างๆ เช่น งาดำ ข้าวซ้อมมือ จมูกข้าว ข้าวโพด ฯลฯ

          เบตาแคโรทีนสูง ได้แก่  แคร์รอต ฟักทอง แค กะเพรา แพชั่นฟรุต ขี้เหล็ก ผักเชียงดา ยอดฟักข้าว ผักแซ่ว ฯลฯ



slideshow-Cancer-fighting-foods



Type 2 Diabetes Patients with Cancer Dangerously Ignore Blood Sugar



                                                                      
  สมุนไพรสำหรับต้านมะเร็ง

                                                                                   ที่มีผลการวิจัยสนับสนุน

                    ปัญจขันธ์

          Gynostemma pentaphyllum

    ชาสตูล เบญจขันธ์ เจียวกู่หลาน เซียนเฉ่า

กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ



​ต้องการผลิตภัณฑ์ปัญจขันธ์ที่มีผลการวิจัย​


ปัญจขันธ์ พืชล้มลุกชนิดเถาเลื้อยที่ขึ้นเองตามธรรมชาติมีในประเทศไทย อยู่ในวงศ์แตง แต่คนไทยเพิ่งจะเริ่มปลูกและให้ความสนใจเมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่คนจีนในภาคใต้ของประเทศนำปัญจขันธ์มาบำรุงร่างกายกันนานแล้ว โดยคนจีนรู้จักกันในชื่อ เจียวกู่หลาน หรือเซียนเฉ่า (สมุนไพรอมตะ) และเริ่มแพร่หลายเข้าไปในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๓  มีชื่อญี่ปุ่นว่า อะมาซาซูรู แปลว่า ชาหวานจากเถา

มีงานวิจัยสมุนไพรนี้จากประเทศจีนและญี่ปุ่นจำนวนมาก พบว่ามีสารสำคัญที่เรียกว่าสารกลุ่มจิปพีโนไซด์ ซึ่งเป็นสารประเภทไตรเทอร์พีนซาโพนินที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายสารกลุ่มจินเซนโนไซด์ที่พบในโสม ทั้งๆที่พืชทั้ง ๒ ชนิด ไม่มีความสัมพันธ์กัน โดยสารจิปพีโนไซด์ที่พบในปัญจขันธ์มีมากกว่า ๘๐ ชนิด โดยมี ๔ ชนิดที่เหมือนกับที่มีในโสม และอีก ๑๑ ชนิด มีสูตรโครงสร้างคล้ายคลึงกับจินเซนโนไซด์ มีรายงานการวิจัยในห้องปฏิบัติการในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง

ฤทธิ์ของสารจิปพีโนไซด์ในปัญจขันธ์หรือสารสกัดปัญจขันธ์

    ต้านอนุมูลอิสระ
    ลดระดับไขมันในเลือด
    เสริมภูมิคุ้มกัน
    ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งบางชนิด
    ยับยั้งการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด
    ต้านอักเสบ
    ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยมีการพบสารซาโพนิน ชื่อฟาโนไซด์ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน
    ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารในหนูที่เกิดจากการกระตุ้นด้วยการให้แอลกอฮอล์ร่วมกับกรดเกลือ หรือจากยาต้านอักเสบอินโดเมทาซิน หรือจากการกระตุ้น ให้หนูเกิดความเครียด
    กระตุ้นการหลั่งไนตริกออกไซด์จากเซลล์ผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดขยายตัว
    ป้องกันการเกิดพิษต่อตับของสารที่เป็นพิษต่อตับ เช่น พาราเซตามอล คาร์บอนเตตราคลอไรด์

สำหรับการวิจัยทางคลินิกนั้น จีนจึงได้ศึกษาวิจัยประสิทธิผลของปัญจขันธ์ต่อระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการผ่าตัดและได้รับเคมีบำบัดรวมทั้งฉายแสง พบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาต้มปัญจขันธ์ ขนาด ๓๐ กรัม/วัน นาน ๓ สัปดาห์ มีการแบ่งตัวของลิมโฟไซต์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับกลุ่มที่ได้รับสมุนไพร กระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกชนิดหนึ่ง คือ ราก Radix Astragali seu Hedysari (Huangqi)

นอกจากนี้ จากการวิจัยในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีและเคมีบำบัด พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับปัญจขันธ์มีการพยากรณ์โรคดีกว่า คือมีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งช้ากว่า และมีอายุยืนกว่า


ในประเทศญี่ปุ่นและจีนได้จดสิทธิบัตรของสารสกัดปัญจขันธ์เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ หลายชนิด ได้แก่ เครื่องสำอางบำรุงผิว ผม หนังศีรษะ ผลิตภัณฑ์กระตุ้นการเจริญของผม เครื่องดื่มหรือชาสมุนไพร อาหารสุขภาพ ยาทาลดความอ้วน อาหารช่วย ลดไขมันในเลือด สารสกัดช่วยกระตุ้นการเจริญของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ และสารจิปพีโนไซด์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งบางชนิด เป็นต้น

สำหรับประเทศไทย ในส่วนของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีโครงการความร่วมมือกับประเทศจีน ในการนำสมุนไพรจีนมาทดลองปลูกในประเทศ ผลการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า ปัญจขันธ์สายพันธุ์ของจีนมีสารสำคัญสูงกว่าสายพันธุ์ของไทย ซึ่งตรงกับผลการวิจัยของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่พบว่าพันธุ์จากจีนมีสารสำคัญมากกว่าพันธุ์โครงการหลวงอ่างข่าง ซึ่งจะได้มีการขยายพันธุ์ต่อไป สำหรับสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ศึกษาวิจัยสมุนไพรปัญจขันธ์พันธุ์ของไทยทางพฤกษเคมีเพื่อพัฒนาวิธีตรวจวิเคราะห์คุณภาพ และศึกษาพบว่าปัญจขันธ์มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ HIV-1 protease และได้ศึกษาพิษเรื้อรังของสารสกัดด้วยน้ำของปัญจขันธ์ในขนาด ๖, ๓๐, ๑๕๐ และ ๗๕๐ มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ในหนูขาวนาน  ๖ เดือนแล้ว พบว่ามีความปลอดภัย ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยในผู้ติดเชื้อ HIV



ต้องการผลิตภัณฑ์ปัญจขันธ์ที่มีผลการวิจัย

http://www.doctor.or.th/article/detail/1343

                   ตังกุย
             Angelica sinensis (Oliv.)
           โกฐเชียง  กุยบ๊วย (จีน)

 

Iตังกุยได้จากรากไม้พืชจำพวกคึ่นไช่ (Celery) มีฤทธิ์อุ่น รสหวานอมขมและเผ็ด จากการวิจัยพบว่าในตังกุยมี น้ำมันระเหยร้อยละ 0.4-0.7 ซูโครสร้อยละ 40 อัลคาลอยด์ วิตามินบี วิตามินบี12 วิต ามินเอ และยังมีกรดต่าง ๆ เช่น กรดนิโคติน กรดปาลมิติก กรดสเตียริก กรดไมริสติก กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไลโนเลอิก และไซโทสเตอรอล
..... .....ตามตำราจีนกล่าวว่า ตังกุยเหมาะที่จะใช้รักษามะเร็งในผู้หญิงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม หรือจะเป็นมะเร็งตับ ลูคิเมีย

​ต้องการผลิตภัณฑ์ตังกุยที่มีผลการวิจัย

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จากผลการวิจัยในห้อง Lab และผลวิจัยทางคลินิกทั้งที่จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน สรุปได้ผลตรงกันว่าสารที่พบในตังกุยมีฤทธิ์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเซลล์มะเร็งได้ถึง 50-70%

.ตังกุยยังมีสรรพคุณบำรุงเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล คนไข้โรคมะเร็งมักจะเบื่ออาหาร เลือดน้อย ยิ่งหลังผ่าตัดหรือทำเคมีบำบัดมายิ่งซีดยิ่งกินข้าวไม่ลง แพทย์แผนจีนก็จะจ่ายยาตำรับที่เข้าตังกุยให้กินเพื่อบำรุงเลือดและกระตุ้นให้อยากอาหาร ผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือ คนที่ผอมแห้งแรงน้อย เบื่ออาหาร โลหิตจาง หน้าซีด ตังกุยก็ช่วยได้เหมือนกัน

http://www.oknation.net/blog/mamladda/2008/01/19/entry-3

 

1. สารสกัดน้ำมีฤทธิ์ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือดและการปล่อยสาร serotonin ในหนูขาว10
เมื่อฉีดสารสกัดน้ำเข้าหลอดเลือดดำสุนัขในขนาดเทียบเท่าผงยา 10 กรัม/กิโลกรัม พบว่ามีฤทธิ์กระตุ้น
การหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้และมดลูก เมื่อฉีดสารสกัดน้ำและสารสกัดแอลกอฮอล์เข้าหลอดเลือดดำแมว หนูขาว และกระต่าย พบว่ามีฤทธิ์เพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบของมดลูกนอกจากนี้ยังพบว่าสาร polysaccharides มีฤทธิ์ในการสร้างเม็ดเลือด

2. เมื่อให้สารสกัดน้ำครั้งละ 5 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันนาน 1 สัปดาห์ จะลดอาการ
ปวดประจำเดือน และช่วยขับประจำเดือน จึงไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่ใช้ยาป้องกันเลือดแข็งตัว สารสกัดน้ำ
ยังมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของมดลูกและลดความหนืดของเลือดในสตรี และเมื่อฉีดสารสกัดน้ำเข้า
หลอดเลือดดำผู้ป่วยจำนวน 40 ราย ในขนาด 240 มิลลิลิตร/คน/วัน ติดต่อกันนาน 30 วัน ไม่ทำให้เกิด
อาการผิดปกติใด ๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

3. มีรายงานการวิจัยพบว่า โกฐเชียงช่วยยับยั้งการเจริญของเนื้องอกและเซลล์มะเร็ง ต้านการ
อักเสบ และรักษาโรคหอบหืด

4. เมื่อฉีดสารสกัดเข้าหลอดเลือดดำหนูถีบจักร ขนาดสารสกัดเทียบเท่าผงยาที่ทำให้หนูถีบจักร
ตายร้อยละ 50 (LD50) มีค่าเท่ากับ 100.6 กรัม/กิโลกรัม12



ต้องการผลิตภัณฑ์ตังกุยที่มีผลการวิจัย

http://www.weherb.net/wizContent.asp?wizConID=115&txtmMenu_ID=7

              ถั่งเช่า หรือ ตังถั่งเช่า
            Cordyceps Sinensis

 

​เห็ดถั่งเช่า หรือ ชื่อเต็มว่า ตังถั่งแห่เช่า เป็นราแมลงในกลุ่ม Ascomycetes มีชื่อทางวิทยาศาตร์ว่า Cordyceps Sinensis

ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นตัวหนอน ซึ่งเป็นหนอนผีเสื้อชนิดหนึ่ง และส่วนบนของตัวหนอนที่มีเห็ดชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec.

มีแหล่งกำเนิดเฉพาะถิ่น คือ ในพื้นที่สูง 4,000-5,000 เมตร จากระดับ น้ำทะเล เช่น ประเทศจีน ภูฏาน และทิเบต เกิดขึ้นโดยสปอร์เชื้อราจะเข้าสู่ตัวอ่อนของ หนอนผีเสื้อค้างคาว ที่ฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินในฤดูหนาว และเมื่อถึงฤดูร้อน ก้านสปอร์จะเติบโต ขึ้นมาบนพื้นดิน ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนต้นหญ้าที่ขึ้นเฉพาะฤดูร้อน และด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่า "ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า" หรือ "หนาวหนอนร้อนหญ้า"

         

ถั่งเช่า มีสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะสารคอร์ไดเซปิน (Cordycepin) มีฤทธิ์บำรุงไต กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยรักษาสมดุลย์ของคลอเรสเตอรอลในหลอดเลือด และมีฤทธิ์บำรุงกำลังทางเพศ  ดังนั้นเมื่อกินเห็ดชนิดนี้เข้าไป ก็จะส่งผลให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น ซึ่งจากงานวิจัยในต่างประเทศ พบว่าหากกินถั่งเช่าวันละ 1 กรัม เป็น เวลา 46 วัน จะช่วยให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้นถึง 64% เลยทีเดียว

http://health.kapook.com/view11023.html

ในอดีตเห็ดถั่งเช่า
ถือว่าเป็นเห็ดที่มีราคาแพงและหายาก และเป็นเห็ดที่ใช้ในหมู่คนจีนและคนที่อยู่ตามพื้นที่สูงๆแถวภูเขาหิมาลัยเท่านั้น ราคาก็จะอยู่ในราวประมาณ กก.ละ 5-6 หมื่นบาทเท่านั้น แต่หลังจากปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมาราคาเห็ดถั่งเช่าก้าวกระโดดขึ้นมาหลายเท่า ราคาสูงกว่า กก.ละ 1 ล้านบาท พร้อมทั้งขาดตลาดด้วย ทั้งนี้เนื่องจาก เมื่อมีการแข่งขันกรีฑาที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในปี 2546

ปรากฏว่า นักวิ่งหญิงระยะไกล ตั้งแต่ 10,000 ม. 15,000 ม. และ 30,000 ม. จานวนมากถึง 9 คนสามารถวิ่งทาลายสถิติโลกได้ โดยโค้ชชื่อ Ma Zunren เปิดเผยว่า นักวิ่งทั้งหมดได้รับการบารุงอย่างสม่าเสมอจากการให้รับประทานเห็ดถั่งเช่าเป็นประจาผลของการตรวจสอบทางเคมี ไม่พบว่ามีสารเคมีที่ใช้เป็นยาในการกระตุ้น ดังนั้น การใช้เห็ดถั่งเช่าบารุงร่างกายให้แก่นักกีฬานั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎของคณะกรรมการโอลิมปิกสากลแต่อย่างใด ทาให้อีก 1 ปีต่อมา นักวิ่งมาราธอนจากจีนที่ใช้เห็ดถั่งเช่าบารุงร่างกาย สามารถเข้าชัยเป็นอันดับหนึ่งและทาลายสถิติโลกในการแข่งขันกรีฑาโลกที่ประเทศเยอรมัน



ต้องการผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าที่มีผลการวิจัย​

ประโยชน์ของถั่งเช่า

1. กระตุ้นการใช้ออกซิเจนสูงขึ้นกว่า 40% จึงถือว่าเป็นอาหารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าอาหารอื่นใด เหมาะอย่างยิ่งสาหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดและทางเดินหายใจ อันได้แก่ โรคหืด แพ้อากาศ เสมหะมาก และโรคปอด รวมทั้งมะเร็งปอดด้วย

2. โรคหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นของหัวใจผิดปกติ ความปิดปกติของลิ้นหัวใจ

3. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ โดยไปช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอลที่มีความหนาแน่นต่า ที่เป็นสาเหตุทาให้หลอดเลือดแดงแข็ง ถือว่าเป็นของเสีย(LDL = Low Density Lipoprotein) ให้ต่าลง และปรับระดับคอเลสเตอรอยที่มีความหนาแน่นสูง ถือว่าเป็นของดี(HDL = High Density Lipoprotein) ให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอย ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL ไปพอกตามผนังเส้นเลือด ทาให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้

4. ช่วยบารุงตับ โดยสารต่างๆของเห็ดถั่งเช่า จะไปช่วยในการสร้างเซลใหม่ให้แก่ตับแทนบางส่วนที่ตายหรือแข็งตัวไป(Cirrhosis)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

5. ช่วยเพิ่มพลังเพศ และจานวนเชื้ออสุจิที่แข็งแรงมีมากขึ้น เหมาะสาหรับผู้ชายที่มีลูกได้ยาก และเกิดอาการหลั่งเร็ว นอกจากนี้ จากผลการทดลองพบว่า การบริโภคเห็ดถั่งเช่าเป็นประจา จะทำให้ผู้ชายมีความต้องการทางเพศสูงขึ้นถึง 66% ผู้หญิงสูงขึ้นถึง 86%

6. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน โดยมีความสามารถในการสร้างNatural Killer cells ได้สูงถึง 400% เมื่อรับประทานวันละ 1-1.5 กรัมต่อวันติดต่อกันเพียง 3-4 วันเท่านั้น ใกล้เคียงกับเห็ดกระดุมบราซิล ด้วยเหตุนี้ จึงนิยมใช้เห็ดชนิดนี้ผสมกับเห็ดกระดุมบราซิลและเห็ดอื่นๆที่มีสาร Polysaccharides สูง เพื่อใช้ป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

​ต้องการผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าที่มีผลการวิจัย​

7. ผ่อนคลายความเหมื่อยล้า(Fatigue) ได้อย่างรวดเร็วและยอดเยี่ยม ผู้ที่ใช้พลังงานมาก หรืออ่อนเพลียจากการที่พักผ่อนไม่พอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ ผู้สูงอายุที่กล้ามเนื้อไม่ทางาน นั่ง นอน หรือเดินลาบาก เห็ดถั่งเช่า สามารถช่วยบรรเทาปัญหาต่างๆได้อย่างดีและรวดเร็ว พร้อมทั้งเสริมสร้างการสร้างเซลใหม่ เพื่อซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ จึงเหมาะอย่างยิ่งสาหรับผู้ป่วยพักฟื้น และทาให้ผิวหนังเต่งตึงเป็นหนุ่มสาวใหม่ขึ้นได้อีก

ที่มาของข้อมูล : Hobb, C.,"Cordyceps Sinensis" in Medicinal Mushrooms, An Exploration of Tradition, Healing
and Culture ,Interweave Press :

http://www.organellelife.com/pdf/Cordyceps.pdf

bottom of page